การสังเกตและการแยกกรุของพระกำแพงซุ้มกอกันว่ามีจุดสังเกตตรงไหนที่สามา รถบ่งบอกได้ว่าพระซุ้มกอองค์ไหนเป็นของกรุไหนกันแน่เพราะว่าพระกำแพงซุ้มกอนั้นมีด้ว ยกันหลายกรุหลายขนาดการที่จะจำแนกแยกกรุได้นั้นต้องใช้ความชำนาญและการสังเกตที่ละเอ ียดถึงจะสามารถจำแนกกรุได้ อีกทั้งยังต้องเคยลงพื้นที่สำผัสถึงต้นตอแหล่งกำเนิดของพระกำแพงซุ้มกอด้วยไม่อย่างน ั้นก็ยากมากที่จำแนกแยกกรุได้อย่างถูกต้อง
ในเบื้องต้นนี้จะได้นำเสนอวิธีการสังเกตจุดตำหนิในการสังเกตและการแยกพระกำแพงซุ้มกอ ตามกรุหลักๆดังนี้
จุดสังเกตพระกำแพงซุ้มกอกรุวัดบรมธาตุ
1.เส้นรัศมีด้านบนจะไม่ชนเส้นซุ้มด้านบน
2.เกศเป็นแบบเกศปลีสองชั้น
3.พระเนตรด้านซ้ายจะชัดเจนและลอยเด่นอยู่ในเบ้าตา เหนือพระเนตรขึ้นไปจะเป็นคิ้วอยู่ ซึ่งพระเนตรข้างขวาองค์พระจะไม่มี
4. พระกรรณเป็นแบบบายศรีและปลายด้านบนจรดกับเส้นรัศมีส่วนปลายพระกรรณล่างจะยาวลงไปจรดก ับพระสังฆาฏิตรงหัวไหล่ซ้ายของ องค์พระ
5.เส้นรัศมีจรดหัวไหล่ทั้งสองข้างและด้านขวาองค์พระจะหนากว่าด้านซ้ายองค์พระ
6.เส้นลายกนกมีลักษณะครึ่งวงกลม
7.ลูกบอลครึ่งวงกลมอยู่ในลายกนกครึ่งวงกลม
8.ลายกนกเหมือนก้ามปู
9.ลายกนกเหมือนเลข 6 อาราบิกม้วนต่อกัน
10.ผ้าสังฆาฏินูนหนายาวและปลายข้างหนึ่งยื่นเข้าไปในซอกรักแร้ด้านขวาองค์พระ
11.ลายกนกคล้ายกับหงอนของพญานาค ส่วนปลายแหลมด้านบนพุ่งเข้าหาหัวไหล่ด้านซ้ายขององค์พระ
12.ลูกบอลลูกเล็กอยู่ในลายกนกด้านซ้ายองค์พระ
13.ซอกแขนลึกทั้งสองข้าง ด้านขวาอยู่สูงกว่าด้านซ้าย
14.ลำแขนด้านขวากลมหนาใหญ่กว่าด้านซ้าย
15.รอยเว้าลึก
16.ลักษณะการวางของพระหัตถ์ซ้ายทับขวา ตรงปลายพระหัตถ์ซ้ายจะเห็นนิ้วหัวแม่มือชัดเจน
17.ฐานบัวเล็บช้างห้ากลีบ
18.ฐานบัวกลีบตรงกลางจะใหญ่กว่ากลีบอื่นอย่างชัดเจน
19.ปลายพระบาทขวากระดกเชิดเล็กน้อย
20.กลีบแรกฐานบัวด้านขวาจะโค้งรับกับปลายหัวเข่าด้านขวาองค์พระอย่างสวยงาม
21.เส้นซุ้มด้านขวาองค์พระจะหนาใหญ่กว่าด้านซ้ายและเริ่มจากหัวเข่าขวาขององค์พระ
22.หัวเข่าด้านซ้ายองค์พระจะยาวกว่ากลีบฐานบัวเล็บช้างกลีบสุดท้าย
23.ลักษณะเหมือนแอ่งกระทะ ถ้าพิมพ์ติดชัดจะเห็นสร้อยสังวาลซ้อนกันอยู่สองเส้นอยู่ในแอ่งกระทะ
ที่มา : http://www.meeboard.com
เพิ่มเติม : 7prasoomkor.blogspot.com/
ในเบื้องต้นนี้จะได้นำเสนอวิธีการสังเกตจุดตำหนิในการสังเกตและการแยกพระกำแพงซุ้มกอ ตามกรุหลักๆดังนี้
จุดสังเกตพระกำแพงซุ้มกอกรุวัดบรมธาตุ
1.เส้นรัศมีด้านบนจะไม่ชนเส้นซุ้มด้านบน
2.เกศเป็นแบบเกศปลีสองชั้น
3.พระเนตรด้านซ้ายจะชัดเจนและลอยเด่นอยู่ในเบ้าตา เหนือพระเนตรขึ้นไปจะเป็นคิ้วอยู่ ซึ่งพระเนตรข้างขวาองค์พระจะไม่มี
4. พระกรรณเป็นแบบบายศรีและปลายด้านบนจรดกับเส้นรัศมีส่วนปลายพระกรรณล่างจะยาวลงไปจรดก ับพระสังฆาฏิตรงหัวไหล่ซ้ายของ องค์พระ
5.เส้นรัศมีจรดหัวไหล่ทั้งสองข้างและด้านขวาองค์พระจะหนากว่าด้านซ้ายองค์พระ
6.เส้นลายกนกมีลักษณะครึ่งวงกลม
7.ลูกบอลครึ่งวงกลมอยู่ในลายกนกครึ่งวงกลม
8.ลายกนกเหมือนก้ามปู
9.ลายกนกเหมือนเลข 6 อาราบิกม้วนต่อกัน
10.ผ้าสังฆาฏินูนหนายาวและปลายข้างหนึ่งยื่นเข้าไปในซอกรักแร้ด้านขวาองค์พระ
11.ลายกนกคล้ายกับหงอนของพญานาค ส่วนปลายแหลมด้านบนพุ่งเข้าหาหัวไหล่ด้านซ้ายขององค์พระ
12.ลูกบอลลูกเล็กอยู่ในลายกนกด้านซ้ายองค์พระ
13.ซอกแขนลึกทั้งสองข้าง ด้านขวาอยู่สูงกว่าด้านซ้าย
14.ลำแขนด้านขวากลมหนาใหญ่กว่าด้านซ้าย
15.รอยเว้าลึก
16.ลักษณะการวางของพระหัตถ์ซ้ายทับขวา ตรงปลายพระหัตถ์ซ้ายจะเห็นนิ้วหัวแม่มือชัดเจน
17.ฐานบัวเล็บช้างห้ากลีบ
18.ฐานบัวกลีบตรงกลางจะใหญ่กว่ากลีบอื่นอย่างชัดเจน
19.ปลายพระบาทขวากระดกเชิดเล็กน้อย
20.กลีบแรกฐานบัวด้านขวาจะโค้งรับกับปลายหัวเข่าด้านขวาองค์พระอย่างสวยงาม
21.เส้นซุ้มด้านขวาองค์พระจะหนาใหญ่กว่าด้านซ้ายและเริ่มจากหัวเข่าขวาขององค์พระ
22.หัวเข่าด้านซ้ายองค์พระจะยาวกว่ากลีบฐานบัวเล็บช้างกลีบสุดท้าย
23.ลักษณะเหมือนแอ่งกระทะ ถ้าพิมพ์ติดชัดจะเห็นสร้อยสังวาลซ้อนกันอยู่สองเส้นอยู่ในแอ่งกระทะ
ที่มา : http://www.meeboard.com
เพิ่มเติม : 7prasoomkor.blogspot.com/